4. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขึ้นชื่อว่าเป็นราชธานีเก่าแก่ของสยามประเทศที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด และด้วยพื้นที่ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่าน ตัวเมืองจึงมีลักษณะเป็นเกาะ เราจะเห็นบ้านเรือนปลูกเรียงรายหนาแน่นตามสองข้างฝั่งแม่น้ำแสดงถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่ผูกพันอยู่กับสายน้ำมายาวนาน ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ที่พลาดไม่ได้ คือ การเที่ยวชมเมืองเก่า และการท่องเที่ยววัดต่าง ๆ เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่เราหยิบมาแนะนำ ได้แก่ เพนียดคล้องช้าง ตั้งอยู่ในตำบลสวนพริก อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 5 กิโลเมตร ที่นี่ถือเป็นสถานที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นเพนียดคล้องช้าง หรือที่คัดเลือกช้างลักษณะดีไว้ใช้ในยามสงครามในสมัยโบราณแล้ว ปัจจุบันบริเวณเพนียดยังเป็นปางช้าง หรือที่พักช้างจำนวนหลายสิบเชือกที่มากจากจังหวัดต่าง ๆ เช่น สุรินทร์และชัยภูมิ เมื่อเสร็จจากการบริการนักท่องเที่ยวบริเวณวัดมงคลบพิตรในเกาะเมืองอยุธยาแล้ว ควาญช้างก็จะนำช้างมากพักอยู่บริเวณเพนียด, พระราชวังบางปะอิน ที่นี่เราสามารถเดินทางมาลงสถานีรถไฟที่บางปะอินซึ่งห่างจากพระราชวังประมาณ 20 กิโลเมตร และเรียกรถจักรยานยนต์รับจ้างหรือรถสามล้อ (เครื่อง) ในบริเวณนั้นให้ไปส่งได้ ภายในพระราชวังมีทางเลือกให้กับคนที่ไม่อยากเดินฝ่าแดดร้อน ด้วยการใช้บริการรถไฟฟ้าพร้อมคนขับรถ ซึ่งจะพานักท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ ภายในบริเวณพระราชวัง โดยคิดค่าโดยสารเป็นรายชั่วโมง ภายในพระราชวังบางปะอินมีโบราณสถานที่สวยงามและมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่มาก พิพิธภัณฑ์เรือไทย ตั้งอยู่ซอยขาวมาลา ถนนบางเอียน ตำบลประตูชัย เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำหรับชมเรือโบราณจำลอง ซึ่งเรือที่อยุธยาขึ้นชื่อว่าเป็นเวนิสตะวันออกของไทยอย่างแท้จริง มีแม่น้ำลำคลองครอบคลุมพื้นที่ดุจใยแมงมุม เรือจึงเกี่ยวโยงกับคนอยุธยาตั้งแต่ชนชั้นกษัตริย์ที่ใช้ประกอบพระราชพิธีต่าง ๆ และเสด็จโดยกระบวนเรือ จนถึงสามัญชนที่ใช้เป็นพาหนะในการสัญจรไปมา สำหรับสิ่งที่น่าสนใจ เช่น เรือโบราณจำลอง อาคารพิพิธภัณฑ์มีลักษณะเป็นเรือนไทยสองชั้น ชั้นล่างจัดแสดงเรือจำลองต่าง ๆ ที่อาจารย์ไพฑูรย์ ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 เป็นต้นมา ปัจจุบันมีผลงานนับร้อยลำ เรือบางลำเป็นเรือโบราณที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อาจารย์จำลองขึ้นจากการศึกษาค้นคว้าทั้งเอกสาร ภาพจิตรกรรมตามวัดในอยุธยา และที่กล่าวถึงไว้ในวรรณคดีไทยเรื่องต่าง ๆ เมื่อมีนักท่องเที่ยวแวะเข้าไปชมอาจารย์ไพฑูรย์จะทำหน้าที่นำชมและอธิบายให้ฟังด้วยตนเอง อาจารย์รู้จักและรักเรือจำลองทุกลำที่ต่อขึ้น แต่มีเรือบางลำที่อาจารย์ภูมิใจ อย่างเรือสำเภาจำลองที่ใช้กันในสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งต้องค้นข้อมูลจากเอกสารโบราณหลายฉบับ เรือพระที่นั่งสมเด็จพระนเรศวร ซึ่งถอดแบบมากจากภาพจิตกรรมในวัดสุวรรณดาราม เรือมาดประทุน มาจากการอ่านนิราศสุนทรภู่ แล้วนำไปจินตนาการ เป็นต้น นอกจากนี้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่เก็บค่าเข้าชม แต่นักท่องเที่ยวอาจมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์เรือไทยโดยการบริจาคสมทบค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา วัดพนัญเชิงวรวิหาร ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลคลองสวนพลู ริมแม่น้ำป่าสักทางทิศใต้ฝั่งตรงข้ามของเกาะเมือง ห่างจากตัวเมืองราว 5 กิโลเมตร เป็นพระอารามหลวงชั้นโทชนิดวรวิหาร แบบมหานิกาย เป็นวัดที่มีมาก่อนการสร้างกรุงศรีอยุธยา ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง ตามพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระเจ้าสายน้ำผึ้งซึ่งครองเมืองอโยธยาเป็นผู้สร้างขึ้นตรงที่พระราชทานเพลิงศพพระนางสร้อยดอกหมาก และพระราชทานนามวัดว่า "วัดพระเจ้าพระนางเชิง" (หรือวัดพระนางเชิง) พระวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ตามพงศาวดารกล่าวว่าสร้างเมื่อพ.ศ.1867 ก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา 26 ปีเดิมชื่อ "พระพุทธเจ้าพนัญเชิง"(พระเจ้าพะแนงเชิง) แต่ในรัชกาลที่ 4 เมื่อมีการบูรณปฏิสังขรณ์พระพุทธรูปองค์นี้ได้พระราชทานนามใหม่ว่า "พระพุทธไตรรัตนนายก"(ชาวบ้านนิยมเรียกหลวงพ่อโต ชาวจีนนิยมเรียกว่าซำปอกง ผู้คุ้มครองการเดินทางทางทะเล) เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นศิลปะแบบอู่ทองปางมารวิชัยลงรักปิดทอง มีขนาดหน้าตักกว้าง 14 เมตรและสูง 19.13 เมตร ฝีมือปั้นงดงามมาก เบื้องหน้ามีตาลปัตรหรือพัดยศและพระอัครสาวกที่ทำด้วยปูนปั้นลงรักปิดทองประดิษฐานอยู่เบื้องซ้ายและขวา อาจนับได้ว่าเป็นพระพุทธรูปนั่งสมัยอยุธยาตอนต้นที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน เป็นที่เคารพสักการะของชาวจังหวัดอยุธยาและจังหวัดใกล้เคียง วัดใหญ่ชัยมงคล เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำหรับชมเจดีย์ที่สูงที่สุดในอยุธยา อีกทั้งยังสามารถมองเห็นได้ในระยะไกล เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินิยมมาเที่ยวกันอย่างเนืองแน่น ปัจจุบันได้รับการบูรณะให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ด้านหลังวัดจัดสร้างตำหนักสมเด็จพระนเรศวรให้ผู้นับถือศรัทธาเข้ากราบไหว้ได้ นอกจากนี้รอบบริเวณมีสวนหย่อมสวยงามให้พักหย่อนใจอีกด้วย สำหรับสิ่งที่น่าสนใจเมื่อมาเยี่ยมชมวัดใหญ่ชัยมงคล คือ เจดีย์ ตั้งอยู่บนฐานสูง เป็นเจดีย์ที่มีฐานบัลลังก์แปดเหลี่ยม สูงจากฐานถึงยอด 60 เมตร สามารถแลเห็นได้แต่ไกล มีบันไดขึ้นสู่ลานทักษิณ บนเจดีย์ด้านหน้ามีพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่ที่เชิงบันไดมีพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยสององค์ ด้านซ้ายเรียกว่า เจ้าแก้ว ส่วนด้านขวาเรียกว่า เจ้าไท เจดีย์องค์นี้สร้างครอบซากเจดีย์องค์เก่า นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าอาจสร้างครอบมาแต่ครั้งกรุงอโยธยาแล้วก็ได้ วัดมหาธาตุ ตั้งอยู่เชิงสะพานป่าถ่าน ทางทิศตะวันออกของวัดพระศรีสรรเพชญ์ สิ่งที่น่าสนใจในวัด คือ เศียรพระพุทธรูปหินทราย ซึ่งมีรากไม้ปกคลุมเข้าใจว่าเศียรพระพุทธรูปนี้จะหล่นลงมาอยู่ที่โคนต้นไม้ในสมัยเสียกรุงจนรากไม้ขึ้นปกคลุมมีความงดงามแปลกตาไปอีกแบบ, วัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นวัดสำคัญที่สร้างอยู่ในพระราชวังหลวง เทียบได้กับวัดพระศรีรัตนศาสดารามแห่งกรุงเทพมหานครหรือวัดมหาธาตุแห่งกรุงสุโขทัย ในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ทรงสร้างพระราชมณเฑียรเป็นที่ประทับบริเวณนี้ ต่อมาสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงย้ายพระราชวังขึ้นไปทางเหนือและอุทิศที่ดินเดิมให้สร้างวัดขึ้นภายในเขตพระราชวังและโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเขตพุทธาวาสขึ้น เพื่อเป็นที่สำหรับประกอบพิธีสำคัญต่างๆ จึงเป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานกรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2250 5500 ต่อ 2991-5, 0 2250 5616 หรือ TAT Call Center 1672 หรือ เว็บไซต์ thai.tourismthailand.org/ข้อมูลจังหวัด/พระนครศรีอยุธยา