ในระบบนิเวศน์หนึ่งๆประกอบด้วยผู้ผลิตผู้บริโภคและผู้ย่อยสลายซึ่งมีความสัมพันธ์เกื้อกูลในลักษณะของห่วงโซ่อาหารและสายใยอาหารตามพื้นผิวของระบบนิเวศน์เอง ก็มีอาณาจักรแห่งผู้ย่อยสลายในธรรมชาติซึ่งประกอบด้วยสิ่งมีชีวิตขนาดจิ๋วๆ ชนิดต่างๆ มากมาย ต่างทำหน้าที่ในการย่อยสลายซากพืช ซากสัตว์ เพื่อการหมุนเวียนพลังงาน ในระบบนิเวศ ประกอบด้วย ปลวก จุลินทรีย์ เห็ด รา สัตว์หน้าดินและสัตว์ในดิน การย่อยสลายเป็นปัจจัยหนึ่งในห่วงโซ่อาหาร (Food Chain) และสายใยอาหาร (Food Web) สัตว์ย่อยสลายชนิดต่างๆมีบทบาทสำคัญในฐานะผู้ย่อย "ขยะธรรมชาติ" เช่นซากพืช ซากสัตว์ ให้ผุพังและเปลี่ยนแปลงเป็นฮิวมัสหรืออินทรีย์วัตถุภายในดินกลายเป็นธาตุอาหารของพืชและสัตว์ชนิดอื่นๆ ทำให้เกิดการถ่ายทอดและหมุนเวียนพลังงานสร้างความอุดมสมบูรณ์ก่อให้เกิดความสมดุลในระบบนิเวศน์ ปลวกเป็นแมลงสังคมที่มีความสำคัญอยู่ในระบบนิเวศป่าไม้คือเป็นทั้งผู้สร้างและผู้ทำลายโดยปลวกทำหน้าที่เป็นผู้ย่อยสลาย(decomposer)พวกอินทรีย์วัตถุต่างๆที่อยู่ในป่าธรรมชาติเช่น ซากพืช เศษไม้ ใบไม้ หรือท่อนไม้ที่หักทับถมกันอยู่ให้เปลี่ยนเป็นฮิวมัสและก่อให้เกิดการหมุนเวียนอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องของธาตุอาหารในดินสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับดินในป่าธรรมชาติ ปลวกยังมีบทบาทเกี่ยวพันเป็นลูกโซ่อาหารที่ซับซ้อนอยู่ในระบบนิเวศ นอกจากนี้รังปลวก ขนาดใหญ่ที่สร้างรังขึ้นมาบนดิน พืช หรือสัตว์ชนิดต่างๆ สามารถใช้เป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยได้อีกด้วย ความสามารถในการย่อยสลายอินทรีย์วัตถุและเซลลูโลสในไม้ของปลวกชนิดต่างๆ พบว่า มีความสัมพันธ์กับชนิดของจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในลำไส้ของปลวก ซึ่งจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิด ของปลวกและสภาพแวดล้อม ปลวกในประเทศไทยมีหลายชนิดทุกชนิดจะกัดกินไม้ทั้งนั้นบางชนิดมีจุลินทรีย์ ช่วยย่อยเซลลูโลสอยู่ในระบบทางเดินระบบอาหาร แต่บางชนิดมีการย่อยไม้นอกตัวปลวกโดยการสร้างจาวปลวก หรือ fungus garden ในฤดูกาลที่เหมาะสมจะเกิดเห็ดปลวก หรือเห็ดโคนขึ้น ซึ่งเราเก็บมารับประทานได้ เห็ดปลวกปัจจุบันนับว่าน้อยลง และราคาแพงขึ้น เป็นการกระตุ้นนักวิชาการให้ศึกษาวิจัยเห็ดนี้ ซึ่งปัจจุบันมีผลการศึกษาในระดับหนึ่ง ปลวกเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญต่อการเกิดของเห็ดโคนมาก เพราะหากไม่มีปลวกอาศัยอยู่ใน จอมปลวกแล้ว เห็ดโคนก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้ ส่วนการหาเห็ดโคนนั้นภูมิปัญญาท้องถิ่นก็ยังมีเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ด้วยว่า หาก จะหาเห็ดโคนให้เจอง่ายๆ แล้วต้องหาตอนกลางคืนเท่านั้น เพราะใต้ต้นเห็ดโคนจะมีสารเรืองแสงอ่อนๆ คือธาตุฟอสฟอรัสอยู่ การหาเห็ดโคนตอนกลางคืนจึงหาเจอได้ง่ายกว่าหาตอนกลางวันมาก เห็ดโคน เป็นเห็ดป่าเติบโตได้ดีในสภาพธรรมชาติ ความชื้นและอุณหภูมิที่พอเหมาะ มีรูปร่างเหมือนเห็ดทั่วไปคือมีก้านเห็ดและหมวกเห็ด ดอกใหญ่ โคนอวบหนา มีกลิ่นเฉพาะตัว มักเกิดตามจอมปลวก จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เห็ดปลวก มีการอพยพของปลวกที่เราเรียกว่า แมลงเม่า ออกจากรังปลวกเดิม เพื่อสร้างรังใหม่ การที่ฝนตกชุกจนมีความชุ่มชื้นเหมาะสม เมื่อปลวกในรังปลวกมีปริมาณลดลง ตุ่มดอกเห็ดเล็กๆ สามารถมีโอกาสที่จะเจริญเติบโตเป็นดอกเห็ดที่มีความชุ่มชื้นออกมาได้ คนไทยเรารู้จักเห็ดชนิดนี้มานานและรู้ว่าสามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายชนิด ประกอบกับการที่เห็ดโคนเองมีรสชาติที่น่ารับประทาน จึงจัดเป็นเห็ดหายากจะต้องหาตามป่าเขา ห่างไกล ความเจริญ ซึ่งเห็ดโคนนั้นมีรสหวานอร่อยกว่าเห็ดอื่นๆ ปรุงง่ายเพียงต้มกับเกลือก็ได้น้ำต้มเห็ดรสหวานตามธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณช่วยเจริญอาหาร บำรุงกำลัง แก้บิด แก้คลื่นไส้ อาเจียน แก้ไอ ละลายเสมหะ การทดลองทางเภสัชศาสตร์พบว่าน้ำที่สกัดจากเห็ดโคนสามารถยับยั้งเชื้อโรคบางชนิด เช่น เชื้อไทฟอยด์ได้ จึงเป็นที่นิยมกันมาก ซึ่งมีวางขายเฉพาะในฤดูฝนเท่านั้น วิธีการเก็บเห็ดโคน ต้องใช้มือถอน ไม่ให้ใช้มีด จอบ หรือไม้ปลายแหลมที่อาจไปทำลายสวนเห็ดรา (fungus garden) ของปลวกซึ่งเป็นจุดกำเนิดที่ทำให้เห็ดโคนเกิดขึ้นมาได้ และเพื่อป้องกันไม่ให้รบกวนช่องรูพรุนๆ ภายในสวนเห็ดราหรือโนดูล (nodule) ที่อยู่ในรังปลวก และเวลาเด็ดเห็ดโคนไปก็ให้เด็ดให้เหลือก้านติดอยู่ที่เดิม ไม่ให้ถอนส่วนที่เป็นสวนเห็ดราออกมาด้วย" เห็ดโคนจึงจัดว่าเป็นเห็ดที่นิยมบริโภคถึงแม้ว่าจะมีราคาแพง แต่ก็มีหลายหน่วยงานที่จะทดลอง วิจัยเพาะพันธ์ผสมสูตรอาหารทางเคมีและเทคนิควิธีมากมาย ในการเพาะพันธ์เห็ดโคน แต่ก็ยังไม่สามารถประสบความสำเร็จจนถึงการเพาะเป็นอาชีพได้ ประโยชน์ของเชื้อเห็ดโคนป่าจากจาวปลวก (fungus garden) ที่มีต่อเกษตรกรและชุมชน ๑.ใช้สำหรับย่อยสลายฟางข้าวในแปลงนา จุลินทรีย์เชื้อเห็ดโคนป่ามีความสามารถในการย่อยสลาย เซลลูโลสในเนื้อไม้ได้ดี เมื่อเรานำมาย่อยสลายฟางข้าวจะทำให้ฟางข้าวย่อยสลายอย่างรวดเร็ว เกษตรกรจะได้ไม่ต้องเผาฟางข้าวก่อนที่จะเตรียมแปลงนา ทำให้ดินในแปลงนามีอินทรียวัตถุ เพิ่มมากขึ้น ดินจะมีธาตุอาหารมากขึ้นทำให้ลดต้นทุนในการผลิตได้เป็นอย่างมาก ๒.ใช้ช่วยเพิ่มธาตุฟอสฟอรัส (P) เป็นธาตุที่พืชต้องการน้อยกว่าไนโตรเจน เมื่อพืชได้รับ ฟอสฟอรัสเพียงพอ รากจะแข็งแรง ทนทานต่อการรบกวนของโรคแมลง ทำให้พืชออกดอก ติดผล และมีคุณภาพดี จุลินทรีย์เชื้อเห็ดโคนป่า มีจุลินทรีย์ที่สามารถตรึงธาตุฟอสฟอรัสจากดิน มาเลี้ยงพืชได้ ทำให้ชาวนาสามารถลดรายจ่ายในการใช้ปุ๋ยเคมีในนาข้าวได้มาก ๓.ใช้เป็นแหล่งอาหารของครอบครัวโดยนำเชื้อจุลินทรีย์เชื้อเห็ดโคนป่า ไปราดบริเวณโคนต้นไม้ที่ มีปลวกอาศัยอยู่เมื่ออากาศร้อนชื้นเหมาะสมก็จะเห็นเห็ดโคนป่าขึ้น สามารถนำไปเป็นอาหาร และนำไปขายเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัวได้อีกทาง ๔.ใช้ในการสร้างแรงจูงใจในการปลูกป่า ๓ อย่าง ประโยชน์ ๔ อย่างในพื้นที่ของตนเองเพื่อให้มี พื้นที่สำหรับเป็นแหล่งอาหารของตนเอง โดยเฉพาะเห็ดโคนป่าที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ จะสามารถทำให้อนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมของชุมชนได้เป็นอย่างดี ๕. ใช้สำหรับย่อยสลายสมุนไพรในการทำน้ำหมักสมุนไพรป้องกันแมลงศัตรูพืช เชื้อจุลินทรีย์ เชื้อเห็ดโคนป่าสามารถย่อยสลายพืชสมุนไพรได้อย่างรวดเร็ว สามารถลดการใช้สารเคมี กำจัดแมลงได้เป็นอย่างดี ช่วยประหยัดรายจ่ายในการซื้อสารเคมีกำจัดแมลง ๖.ใช้สำหรับย่อยสลายอินทรียวัตถุที่ทำปุ๋ยหมักจะช่วยให้ปุ๋ยหมักย่อยสลายอย่างรวดเร็ว ประหยัดเวลาในการทำปุ๋ยหมัก สามารถช่วยลดต้นทุนในการใช้ปุ๋ยเคมี ช่วยประหยัดรายจ่าย ในการซื้อปุ๋ยเคมี ๗. ใช้สำหรับรดราดพื้นดิน รองพื้นในการเลี้ยงหมูหลุม จะช่วยให้เล้าหมูไม่มีกลิ่นและย่อยสลาย แกลบและเศษอาหารของหมู ทำให้ได้ปุ๋ยหมักจากหมูหลุมไปใช้ประโยชน์ในการเกษตรเพื่อ ลดรายจ่ายในการซื้อปุ๋ยเคมี ๘.ใช้สำหรับรดราดแปลงผัก และบริเวณโคนต้นไม้ผลที่คลุมแปลงไว้ จะช่วยให้วัสดุ คลุมดิน ย่อยสลายอย่างรวดเร็ว ทำให้พืชผักเจริญเติบโต งอกงาม อย่างรวดเร็ว ๒.ขั้นตอนการขยายเชื้อเชื้อเห็ดโคนป่าจากจาวปลวก (fungus garden) ๒.๑ วัสดุ อุปกรณ์ ส่วนผสม  ถังพลาสติกแบบมีฝาปิด ขนาด ๒๐๐ ลิตร จำนวน ๑ ใบ  จาวปลวกที่มีเชื้อราเห็ดโคน (fungus garden) ของปลวกซึ่งเป็นจุดกำเนิดที่ทำให้เห็ดโคนเกิดขึ้นมาได้ จำนวน ๑ กิโลกรัม  ข้าวสุกหุงแข็ง (ข้าวท่อน ๕ ลิตร ใส่น้ำ ๓ ลิตร) ทิ้งไว้ให้เย็นโดยไม่ต้องเปิดฝาหม้อ จำนวน ๑ หม้อ  น้ำสะอาด (น้ำประปา ควรทิ้งไว้ประมาณ ๗ วัน) จำนวน ๒๐๐ ลิตร ๒.๒ ขั้นตอน วิธีทำ  เตรียมขันธ์ห้า(ประกอบไปด้วยธูป ๑๐ดอก ดอกไม้ ๑๐ ดอก) น้ำสะอาด ๑ แก้ว ธูปหอมจำนวน ๒๑ ดอก จุดธูป ๒๑ ดอก นั่งคุกเข่าพนมมือพร้อมกล่าวคำขอ เชื้อเห็ดโคนป่าจากพระแม่ธรณี  ใช้จอบค่อย ๆ ถากจอมปลวก จนเห็นรังปลวก  นำจาวปลวกที่มีเชื้อราเห็ดโคน (fungus garden) ของปลวกซึ่งเป็นจุดกำเนิดที่ทำให้เห็ดโคน มาคลุกกับข้าวสุกที่เตรียมไว้ ดังภาพ  นำส่วนผสมทั้งหมดไปเทใส่ในถังพลาสติกที่เตรียมไว้  ปิดฝาให้สนิท ทิ้งไว้ ๗ วัน จะเห็นเชื้อจุลินทรีย์สีขาวในถังพลาสติก จึงนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป ๒.๓ วิธีการใช้ การใช้ประโยชน์  ใช้ย่อยสลายฟางข้าวในแปลงนาในอัตราไร่ละ ๕ ลิตร ด้วยวิธีหยดตามน้ำไหลขณะที่ปล่อยน้ำเข้าแปลงนา หรือ ใช้ผสมน้ำฉีดพ่น ในอัตราส่วน ๑ ต่อ ๑  ใช้ผสมน้ำ ในอัตราส่วน ๑ ต่อ ๑ รดราดในบริเวณแปลงผัก หรือ บริเวณโคนไม้ผล จะทำให้ในดินมีเชื้อจุลินทรีย์เห็ดโคน ที่สามารถช่วยย่อยสลายวัสดุคลุมดินและยังช่วยปลดปล่อยธาตุฟอสฟอรัสจากดินให้กับพืช ทำให้พืชเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี  ใช้ผสมน้ำ ในอัตราส่วน ๑ ต่อ ๑ รดราดลงไปในเล้าหมูหลุม เพื่อดับกลิ่นและย่อยสลายแกลบดิบเพื่อทำปุ๋ยหมักจากหมูหลุม  ใช้ผสมน้ำ ในอัตราส่วน ๑ ต่อ ๑ รดราดบริเวณป่า ๓ อย่าง ประโยชน์ ๔ อย่าง ที่มีจอมปลวก เพื่อให้มีเห็ดโคนขึ้นตามอากาศที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว ความรู้นี้เนี่ยเหมาะสมกับคนไทยที่มีหัวใจรักษ์ป่า หากคนไทยปลูกป่าสามอย่างจะเกิดประโยชน์สี่อย่าง จะทำให้ประเทศไทยอุดมนสมบูรณ์ไม่เกิดน้ำท่วม หรือความแห้งแล้ง อีกต่อไป เห็ดโคนมีไว้สำหรับทำบุญ คนโลภจะไม่ค่อยมีโอกาสกินหรือพบเจอได้ เพราะว่าปลวกเขาสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างบุญ ครับ จักรภฤต บรรเจิดกิจ (เบ้) ๒.๔ คำแนะนำ ข้อควรระวังในการใช้  การนำเชื้อเห็ดโคนป่าไปใช้ประโยชน์ต่าง ๆ นั้นไม่ควรนำไปใช้จนหมด ต้องเหลือไว้ขยายเชื้ออีกต่อไปตามขั้นตอนเดิมเพียงแต่เปลี่ยนจากจาวปลวก มาเป็นหัวเชื้อจุลินทรีย์เห็ดโคนป่า แทน ดังนั้นเราจะสามารถพึ่งพาตนเองตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างแท้จริง ๓.การเกื้อกูลขององค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น กับทรัพยากร และสิ่งแวดล้อม เชื้อเห็ดโคนป่าจากจาวปลวก (fungus garden) สามารถเกื้อกูลกับทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมได้มาก เนื่องจากเกษตรกรใช้สารเคมีกำจัดหญ้า ทำให้เชื้อจุลินทรีย์ที่เคยมีนั้นถูกทำลาย ตายไปหมดองค์ความรู้นี้ สามารถทำให้ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมกลับคืนสู่สภาพที่มีความอุดมสมบูรณ์มีเห็ดโคนเกิดขึ้นในป่า ที่เกษตรกรปลูกบริเวณข้าง ๆ บ้าน อีกทั้งยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ได้ง่าย ๔. การเชื่อมโยงองค์ความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่น / ดั้งเดิม กับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เชื้อเห็ดโคนป่าจากจาวปลวก (fungus garden) เป็นหัวใจของหลักกสิกรรมธรรมชาติที่นำไปสู่ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เชื้อจุลินทรีย์ทำหน้าที่เลี้ยงสิ่งมีชีวิตหลายชนิดรวมทั้งพืชที่มนุษย์กินเป็นอาหาร กินเป็นขนม กินเป็นเครื่องดื่ม กินเป็นยารักษาโรค รวมถึงปัจจัยที่ใช้ในการดำรงชีวิตประจำวัน ซึ่งถ้ามนุษย์สามารถพึ่งตนเองปลูกพืชให้มี พอกิน พอใช้ พออยู่ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขั้นพื้นฐาน ก็จะมีความยั่งยืน มั่นคง ๕.การสร้างนวัตกรรมทางการเกษตรที่สืบสาน หรือต่อยอดจากภูมิปัญญาท้องถิ่น / ดั้งเดิม “เห็ดปลวก” (Termite Mushroom) หรือเห็ดโคนเมื่อเรียกเป็นภาษาภาคกลาง เป็นเห็ดอีกชนิดหนึ่งที่มีความต้องสูงในการบริโภคของประชาชนคนไทยทั่วทุกภูมิภาค เนื่องจากเห็ดชนิดนี้มีรสชาดดี นุ่ม อร่อย อีกทั้งเป็นเห็ดที่มีความหอมของกลิ่นเห็ด และที่ผ่านมาเห็ดชนิดดังกล่าวยังไม่มีรายงานว่าสามารถเพาะได้ อีกทั้งในปัจจุบันเห็ดปลวกนี้ก็ยังไม่สามารถนำมาเพาะในวัสดุเพาะที่บรรจุอยู่ในถุงพลาสติก เนื่องจากเห็ดปลวกนี้จะพัฒนาเป็นดอกเห็ดได้ก็ต่อเมื่อเส้นใยเห็ดได้ผ่านกระบวนการย่อยของตัวปลวกเสียก่อน และเมื่อเราขุดดูรากของเห็ดปลวกก็จะพบว่ารากของดอกเห็ดทุกดอกเกิดมาจากรังปลวก หรือภาษาอิสานเรียกว่า จาวปลวก (Fungus Gardens) นั่นแสดงว่าเห็ดปลวกมีความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นกับตัวปลวก (Relationship) เห็ดโคนจึงจัดว่าเป็นเห็ดที่นิยมบริโภคถึงแม้ว่าจะมีราคาแพง แต่ก็มีหลายหน่วยงานที่จะทดลอง วิจัยเพาะพันธ์ผสมสูตรอาหารทางเคมีและเทคนิควิธีมากมาย ในการเพาะพันธ์เห็ดโคน แต่ก็ยังไม่สามารถประสบความสำเร็จจนถึงการเพาะเป็นอาชีพได้ เชื้อเห็ดโคนป่าจากจาวปลวก (fungus garden) นวัตกรรมที่ค้นพบนี้ สามารถทำให้เกษตรกรนำไปใช้กับครอบครัวและชุมชนได้เป็นอย่างดี ทำให้ชาวบ้านปลูกป่า ร่วมกันรักษาป่าชุมชน นำเชื้อเห็ดโคนป่าจากจาวปลวก นำมาราดในป่าทำให้เกิดเห็ดโคนป่าอย่างมากมายตามธรรมชาติ และภูมิปัญญาชาวบ้านในการเก็บหาเห็ดโคนของแต่ละชาติพันธุ์จึงล้วนแฝงความหมาย ไว้ซึ่งการพึ่งพิงประโยชน์จากเห็ดโคนอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะชาวบ้านสมัยก่อนซึ่งได้ดูแลพื้นที่ป่าชุมชนไว้ได้ดี เพราะไม่ได้คิดถึงเรื่องของการค้าขายและผลกำไรจากการขายของป่ามาเป็นหลักคิด สำคัญ แต่เห็นว่าป่าเป็นพื้นที่ที่มีบุญคุณ